Author Topic: งานวิจัยเกี่ยวกับบริการ seo รับทำ seo ติดหน้าแรก google โดย CSLSEO  (Read 152 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

LinePC001

  • Newbie
  • *
  • Posts: 31
    • View Profile

CSLSEO.com ให้บริการ seo รับทำ seo ติดอันดับ Google
 
SEO สามตัวอักษรนี้ น่าจะเป็นคำที่หลายท่านคุ้นเคยหรือรู้จักกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะคนที่มีเว็บไซต์ของตัวเองหรือรับทำเว็บไซต์ก็ตาม เพราะนอกจากจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้ยอดขายเพิ่มมากขึ้นได้แล้ว SEO ยังมีความสำคัญกับเว็บไซต์มากชนิดที่เรียกได้ว่า ถ้าเว็บไหนไม่มี หรือไม่ได้ทำ SEO ไว้ เว็บนั้นอาจต้องเตรียมปิดตัวลงในอีกไม่นานก็เป็นได้
 
SEO หรือ Search Engine Optimization คือ การพัฒนาเว็บ (ทั้งหมด) ให้มีความพอเหมาะพอดีในการติดอันดับการทำการค้นหาของเครื่องมือทำการค้นหายอดนิยมอย่าง Google แต่การที่จะส่งเสริมให้เว็บไซต์ของเราไต่ขึ้นไปอยู่อันดับแรกๆ ในหน้าการทำการค้นหาหน้าแรกของ Google ได้นั้น จำเป็นที่่จะอยากได้ปรับปรุงเว็บไซต์ในหลายๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็น Content (เนื้อหา), ความรวดเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์ หรือแม้แต่โครงการของเว็บ ก็มีผลด้วยเช่นกัน
 
ก่อนอื่นลองนึกตามนะครับว่า ถ้าสมมุติว่า คุณอยากไปเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่ และเข้าไปค้นหาข้อมูลบน Google โดยใช้คำว่า “ที่พักเชียงใหม่” ซึ่งเป็น Keyword ในการทำการค้นหา ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาก็คือ รายชื่อของของเว็บไซต์ ที่มีความเกี่ยวข้องกับ Keyword ที่ใช้ทำการค้นหาไป ที่นี้พอจะนึกภาพออกใช่ไหมครับว่า ถ้าเว็บของเรา ถูก Google นำไปเสนอเป็นข้อมูลในการค้นหาลำดับต้นๆ ให้กับผู้ที่ทำการค้นหา ก็จะยิ่งทำให้เว็บไซต์ของเรามีจำนวนคนเข้าชมเว็บไซต์เพิ่มมากขึ้นด้วยนั้นเอง
 
อย่างที่ได้กล่าวไปว่า SEO สามารถช่วยเพิ่มปริมาณผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราให้มากขึ้นได้ เพราะฉะนั้นเมื่อมีคนเข้ามาบนเว็บไซต์ของเรามากเท่าไร โอกาสที่เราจะจำหน่ายของก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น ถ้าไม่เชื่อ! ลองมองดูโลกของความจริงที่ว่า ถ้าหากเราเปิดร้านจำหน่ายของในแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยม ที่มีผู้คนขวักไขว่ ร้านค้าของเรา ก็จะมีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมมากแค่ไหน และความน่าจะเป็นที่เราจะขายสินค้าได้ก็มีมากตามไปด้วย ซึ่งโลกของอินเทอร์เน็ตก็เช่นกัน ถ้าเว็บของเราถูกจัดอันดับให้แสดงผลอยู่ในอันดับแรกๆ ของผลการค้นหา นั้นหมายถึง “ทำเลทอง” เพราะจะมีผู้เยี่ยมชมคลิกเข้าสู่เว็บไซต์ของเราเยอะแยะ และความน่าจะเป็นที่จะเปลี่ยนให้ผู้เยี่ยมชมเหล่านั้นกลายเป็นลูกค้าก็มีมากตามไปด้วย
 
เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่า การทำ SEO กับเว็บในยุคนี้ เป็นสิ่งที่สำคัญ และจำเป็นเป็นอย่างมาก จนน่าจะเป็นสิ่งตัดขาดจากกันไม่ได้ซะแล้ว โดยเฉพาะคนที่ต้องการสร้างธุรกิจร้านค้าออนไลน์บนเว็บด้วยแล้ว ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับ SEO เป็นอย่างยิ่ง เพราะสามารถทำให้ธุรกิจคุณดังและปังได้ทันทีในพริบตา
 
 
ในครั้งหนึ่งร้านค้าออนไลน์ บริษัท หรือองค์กร มีเว็บเพื่อสร้างความน่าไว้วางใจเท่านั้น โดยไม่ได้คำนึงถึงการใช้ประโยชน์ของเว็บไซต์อย่างเต็มที่ ทำให้ไม่เกิดความคุ้มค่าในการลงทุนทำเว็บไซต์ แต่ในยุคปัจจุบันนี้ทุกๆ คนสามารถเข้าถึงเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้อย่างแพร่หลาย ทุกที่ทุกเวลา ทำให้ร้านค้า บริษัทหรือองค์กรต่างๆ เล็งเห็นถึงความสำคัญของการทำเว็บไซต์เพื่อเปิดหนทาง ทางการค้ามากขึ้น จึงทำให้ยุคนี้มีเว็บไซต์เกิดขึ้นเยอะแยะ การที่ทุกๆ คนจะจดจำ URL (Uniform Resource Locator) ของแต่ละเว็บไซต์นั้น ดูจะเป็นเรื่องที่ยากซะเหลือเกิน จึงมีความจำเป็นต้องพึ่ง Search Engine เข้ามาช่วยในการสร้างความจดจำ และง่ายต่อการเข้าถึงเว็บ
 
Search Engine คือ โปรแกรมที่ช่วยในการสืบค้นข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต โดยผู้ใช้จะต้องกรอกคำสำคัญ (Keyword) ในการค้นหา จากนั้น Google Search จะแสดงผลการค้นหาออกมา เป็นเว็บไซต์หลายๆ เว็บ ที่มีความสัมพันธ์กับ Keyword นั้น นั่นก็หมายความว่า เว็บไซต์ที่แสดงผลในอันดับแรกๆ ของ Google Search ที่มียูสเซอร์มากที่สุดทั่วโลกอย่าง Google ก็จะมีคนคลิกเข้าไปดูเว็บไซต์นั้นเป็นจำนวนไม่น้อย เมื่อมีคนเข้าชมเว็บไซต์เป็นจำนวนมาก จึงทำให้เกิดประโยชน์ตามมาเยอะแยะ เช่น การขายผลิตภัณฑ์หรือบริการ การขายโฆษณา การโปรโมทเว็บไซต์ เป็นต้น ในทางกลับกัน ถ้าคุณมีเว็บไซต์ แต่เว็บไซต์ของคุณไม่ได้แสดงผลอยู่ใน Google Search แล้วล่ะก็ เว็บของคุณก็ไม่ต่างอะไรกับเว็บไซต์ร้าง ที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ เลย ด้วยเหตุผลนี้เอง เว็บไซต์ต่างๆ ย่อมอยากได้ให้เว็บของตัวเอง ติดอยู่ในอันดับแรกๆของ Google Search จึงเป็นที่มาของการทำ SEO นั่นเอง
 
SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization หมายถึง การจัดทำหรือปรับปรุงเว็บไซต์ให้แสดงผลเป็นอันดับแรกๆ ของการทำการค้นหาใน Search Engine ใน Keyword ที่เหมาะสมและตรงตามเป้าหมายของเว็บไซต์ เพื่อให้อยู่ในระดับสายตา และสามารถดึงดูดความใส่ใจจากลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
 
 
 
SEO คืออะไร? ดันเว็บติดหน้าแรก Google ไม่ยากอย่างที่คิด
 
SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization คือกลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์ประเภทหนึ่งที่เน้นการปรับแต่งเว็บไซต์และ Content ต่าง ๆ ให้ถูกใจระบบผลการค้นหาของ Google หรือที่เราเรียกกันว่า Search Engine (Search Engine อื่นๆ นอกจาก Google เช่น Yahoo, Bing เป็นต้น)
 
เพื่อทำให้หน้าเว็บไซต์ธุรกิจของเราติดหน้าแรกของผลการค้นหา ส่งผลให้เพิ่มการมองเห็นแบบ Organic Traffic (ยอดเข้าชมเว็บไซต์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย) เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น และประโยชน์อีกเยอะแยะที่ธุรกิจคุณควรเริ่มทำ SEO ซึ่งข่าวดีของคนที่สนใจการทำ SEO คือ มันฟรี!! แต่จะต้องเข้าใจกันก่อนว่าการทำ SEO ให้ติดหน้าแรกนั้นต้องใช้เวลาระดับหนึ่ง
 
ซึ่งบางคนอาจจะใช้เวลาถึง 6 เดือน หรือบางคนก็ต้องใช้เวลาเป็นปี แต่ยืนยันว่าหากท่านได้พื้นที่อันดับ 1 มาครองบนหน้าผลการค้นหาของ Google ยอดขายของคุณจะสูงขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว และสิ่งจำเป็นที่สุดคือความสม่ำเสมอ เพราะจุดมุ่งหมายของการทำ SEO ไม่ใช่เพียงแค่ทำให้เว็บไซต์ติดอันดับเท่านั้น แต่รวมถึงการบำรุงรักษาอันดับให้คงไว้ที่เดิมและไม่ทำให้ตกอันดับ ถ้าหากเราหยุดทำ SEO เมื่อไหร่ก็มีความเป็นไปได้ว่าเว็บไซต์คู่แข่งของเราจะเข้ามาแทนที่
 
แล้ว SEO ที่เราพูดถึงนี้คืออะไรกันแน่ มีขั้นตอนการปฏิบัติงานอย่างไรบ้าง หากท่านใคร่รู้ ทีม CSLSEO จะมาคุยให้ฟัง
 
 
ทำความรู้จัก Search Engine เหตุผลที่หลายธุรกิจต้องการทำ SEO
 
เมื่อเราอยากจะทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จ เราจำเป็นจะต้องรู้เสียก่อนว่า Google Search มีการทำงานอย่างไร ซึ่งเป็นเหมือนหัวใจหลักของกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ในครั้งนี้
 
หน้าที่หลักของ Google Search อย่าง Google คือการค้นหาข้อมูลที่มีอยู่มากมายก่ายกองบนโลกเครือข่ายคอมพิวเตอร์มาจัดเรียงอันดับความเกี่ยวข้อง เพื่อทำให้ผู้ค้นหา (Searchers) เกิดความพอใจต่อการทำการค้นหามากที่สุด ส่วนใหญ่แล้วคนที่จะเข้ามาใช้ Search Engine นั้นมีจุดหมายปลายทางเพื่ออยากได้หาคำตอบให้กับอะไรสักอย่าง โดยใช้เวลาในการทำการค้นหาน้อยที่สุด จึงทำให้ความรวดเร็วของผลการค้นหา, ความสอดคล้องของบทความ, ประสบการณ์การใช้งาน และความน่าไว้วางใจ เป็นปัจจัยสำคัญเพื่อตอบสนองต่อความปรารถนาของยูสเซอร์
 
แล้ว Google Search ใช้วิธีอะไรในการจัดเก็บข้อมูล และจัดเรียงลำดับเว็บไซต์? เราสามารถแบ่งการทำงานของ Google Search ได้เป็น 3 แนวทางด้วยกัน คือ
 
1. Crawling (การเก็บข้อมูล): กระบวนการการค้นหา ที่จะส่ง Bot (Crawler or Spider) ท่องไปตามหน้าเว็บต่างๆ เพื่อรวมข้อมูลตั้งแต่หน้าเว็บไซต์, URLs, หัวข้อ, เนื้อหา, รูปภาพ , วิดีโอ และอื่นๆ จนทั่วเว็บ เมื่อสแกนเว็บไซต์หนึ่งจนเสร็จ ตัว Bot นี้จะทำการค้นหาลิงค์ต่าง ๆ ในหน้าเว็บที่เราได้ทำการเชื่อมต่อกับเว็บอื่นเอาไว้ และเข้าไปในเว็บนั้นเพื่อทำการสแกนต่อไปเรื่อย ๆ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Search Engine สามารถเก็บข้อมูลสดใหม่บนอินเตอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็ว
 
2. Index ing (ทำดัชนี): ภายหลังทำการสแกนข้อมูลเว็บไซต์จนเสร็จสิ้น ระบบจะทำการ อินเด็กซ์ing หรือการเก็บข้อมูลทั้งหมดไว้ในคลัง ซึ่งการ Index เปรียบเสมือนห้องสมุดที่รวบรวมเว็บทั้งหมดไว้ในที่เดียว ทุกเว็บที่อยากได้แสดงอยู่บนผลการค้นหา จำเป็นจะต้องผ่านระบบการ Index ing ของ Search Engine เสียก่อน
 
3. Ranking (ค้นหาและจัดอันดับ): สุดท้ายเมื่อผู้ค้นหาเริ่มทำการค้นหาข้อมูล Google Search จะทำการหาข้อมูลเว็บไซต์ที่มีความสอดคล้องมากที่สุด จากคลัง Index แล้วนำมาแสดงผลให้ผู้ค้นหาเห็นในหน้าผลการค้นหา ซึ่งอันดับที่เราเห็นในหน้าผลการค้นหาตอนเรา Search เราเรียกกันว่าการ Ranking ซึ่งปัจจัยในการจัดอันดับของ Google ประกอบด้วยหลายอย่างด้วยกัน เช่น Keyword, URLs, ความน่าไว้วางใจและ อื่นๆ
 
 
ความรู้ SEO ขั้นพื้นฐาน
เริ่มสร้างเว็บขึ้นหน้าแรก Google เพียง 4 วิธีการ
 
1. ทำการค้นหา Keyword ที่ใช่สำหรับธุรกิจคุณ
 
เพื่อเชื่อมต่อการเข้าถึงระหว่างเว็บไซต์ และผู้ค้นหา เรามีความจำเป็นจะต้องมี “Keyword” (คีย์เวิร์ด) เป็นคล้าย GPS นำทางผู้ค้นหามาเจอเว็บไซต์ของเรา หากเราสังเกตเมื่อเราใส่ คำ หรือวลี อะไรก็ตามลงในช่องการทำการค้นหา เราจะเห็นหัวข้อที่มีคำเดียวกับการทำการค้นหาของเราเสมอ
 
ตัวอย่างจากในภาพ เมื่อเราลอง Search คำว่า “SEO คืออะไร” ซึ่งก็คือ Keyword ของเรา หน้าผลการค้นหาของเราจะแสดง Content ที่มีความเกี่ยวข้อง และเว็บที่มีโอกาสจะตอบสนองความอยากของเรามากที่สุด เว็บชั้นนำต่าง ๆ ที่แสดงอยู่หน้าแรกก็จะนำ Keyword (SEO คืออะไร) เข้าไปอยู่ในบทความ และหัวข้อ (กรอบสีเขียว) เพื่อทำให้ Google เข้าใจว่า Content ของเรามีความสอดคล้องกับสิ่งที่คนกำลังค้นหา
 
ซึ่งหากจะพูดให้เข้าใจง่ายก็คือ Keyword เปรียบเสมือนความปรารถนาของผู้ค้นหานั่นเอง ส่วนคนทำเนื้อหาหรือแบรนด์อย่างเราก็ต้องทำให้เว็บของเราตอบสนองความอยาก โดยการใช้ Keyword ด้วยเหตุนี้หากต้องการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับหน้าแรกของ Google การทำการค้นหา Keyword ที่มีประสิทธิผลจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก
 
การค้นหา Keyword เป็นเพียงขั้นตอนแรกของการทำ SEO เพื่อทำให้ผู้ใช้งานสามารถเจอเว็บไซต์ของเราได้ง่ายขึ้นเท่านั้น จนทำให้เกิดเป็น Organic Traffic
 
 
2. ปรับโครงสร้างเว็บ (Structure) เข้าใจง่ายทั้งยูสเซอร์และ Google Search
 
ภายหลังเมื่อเราสามารถนำยูสเซอร์เข้ามาเว็บเราได้แล้ว เราต้องมั่นใจว่าเว็บไซต์ของเรามีโครงสร้างที่ดีพอจะทำให้ผู้ค้นหาชอบ และอยู่ในหน้านั้นๆ ต่อเป็นเวลานาน เพราะ Organic Traffic ที่เข้ามาจะกลายเป็น High Quality Traffic (คงอยู่เว็บเป็นระยะเวลานานจนสามารถเปลี่ยนเป็นยอดจำหน่าย) หรือ Poor Quality Traffic (เข้ามาและกดออกจนทำให้เกิด Bounce Rate หรือไม่เกิดยอดจัดจำหน่าย) จะขึ้นอยู่กับความน่าใช้งานของเว็บเรา
 
ทั้งนี้การดีไซน์โครงสร้าง SEO เว็บไซต์ที่ดีจะทำให้ Google Search Bot ทำงานได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะส่งเสริมให้ระบบ Bot สามารถเข้าถึงและ Index ข้อมูลบนเว็บได้อย่างรวดเร็ว โครงสร้างของเว็บไซต์จะเป็นเหมือนผู้นำทัวร์ให้ Bot ของ Search Engine และ ผู้ค้นหาได้พบสิ่งที่อยากได้ได้อย่างสะดวก ส่งผลให้เกิด UX (User Experience) หรือประสบการณ์สำหรับใช้งานที่ดีต่อผู้ค้นหาเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม (UX เป็นปัจจัยหนึ่งที่สามารถทำให้ผู้ใช้งานอยู่เว็บเรานานขึ้นและช่วยในเรื่อง Ranking)
 
หนึ่งแบบอย่างของการสร้างเว็บ SEO ที่ดีคือ การแบ่งหมวดหมู่และหัวข้อของเนื้อหาต่างๆ อย่างแม่นยำเพื่อความง่ายต่อการค้นหา ซึ่งจากรูปภาพด้านบนจะสังเกตได้ว่าเว็บนี้ มีหัวข้อใหญ่อยู่ด้านซ้ายมือ และเมื่อเข้ามาจะเจอกับหัวข้อย่อยต่างๆ ทำให้การค้นหาเนื้อหาที่ต้องการสำหรับผู้ค้นหาสามารถทำตามได้ง่าย ทั้งนี้หากเราสามารถใส่ Keyword เข้าไปในแต่ละหัวข้อได้ ก็จะเป็นการเพิ่มประสิทธิผลการทำ SEO ของเรา แต่ Keyword นั้นมีความจำเป็นต้องสัมพันธ์กับเนื้อหาด้วย หากใส่ Keyword แล้วคำดูแปลก หรือดูเหมือนตั้งใจมากจนเกินไปจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
 
นอกจากนั้น การสร้างเว็บไซต์ที่มีประสิทธิผลยังมีวิธีที่หลากหลาย เช่น การเพิ่มความรวดเร็วของเว็บ, การทำ Sitemap, การปรับ URLs เป็นต้น จำเอาไว้ว่าปัจจัยสำคัญที่เราควรคำนึงถึงอยู่ตลอดเวลาเมื่อต้องการทำ SEO เว็บไซต์นั้นก็คือ ประสบการณ์ที่ดีของยูสเซอร์ (User Experience)
 
 
3.  On-Page Optimization
 
การทำ On-Page Optimization คือการเพิ่มประสิทธิผล SEO ในหน้าเว็บเพจของเรา เพื่อมั่นใจว่าหน้าเว็บไซต์นั้น ๆ สามารถไต่อันดับหน้าผลการค้นหาให้อยู่เหนือฝ่ายตรงข้ามในตลาดได้ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ Tittle Tag, Heading, Alt-Text สำหรับรูปภาพ และ Meta Description เป็นต้น ซึ่งส่วนสำคัญของการทำ On-Page Optimization ให้สำเร็จนั้นคือ คุณภาพเนื้อหา และ Keyword เช่นการเขียนบล็อก และปรับเนื้อหาเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อ SEO อย่างสูงสุด
 
เราสามารถเริ่มการทำ On-Page Optimization จากการปรับ Title Tag, Meta Description, Heading, Alt Text, URLs โดยการสอด Keyword เข้าไปในส่วนต่างๆ เป็นต้น
 
- Title Tag: หัวข้อคอนเทนต์ที่เราอยากได้ให้แสดงอยู่บนหน้าผลการค้นหาของ Google เราควรใช้เวลาในการคิดชื่อหัวข้อให้น่าสนใจ เพราะจะทำให้เกิดปริมาณคลิกเข้าเว็บมากที่สุด
 
- Meta Description: คำบรรยายสั้นๆ เพียง 140 ตัวอักษรที่ปรากฏอยู่บนหน้าผลการค้นหาของ Google เป็นคำชี้แจงเพิ่มจาก Title Tag ว่าหากผู้ค้นทำการคลิ๊กเข้ามาหน้าเว็บไซต์เขาจะเจอคอนเทนต์แบบไหน Meta Description ควรเป็นเนื้อหาพูดถึงเหตุผลว่า ทำไมผู้ค้นหาควรจะเข้ามาเว็บไซต์ของเรามากกว่าเว็บฝ่ายตรงข้าม
 
- Heading: หัวข้อต่างๆ บนหน้าโฮมเพจ ซึ่งแบ่งออกเป็น H1 - H6 ซึ่ง H1 แสดงถึงหัวข้อหลักของเนื้อหา เราควรมีหัวข้อหลักเพียงหนึ่งหัวข้อเท่านั้น เพื่อไม่ทำให้เกิดการงงงวยของยูสเซอร์และ Google Search Bots ส่วน H2-H6 แสดงถึงหัวข้อย่อยตามลำดับ
 
- Alt-Text: Keyword ที่เราสามารถสอดเข้าไปในรูปภาพ เพื่อเพิ่มความน่าจะเป็นการทำการค้นหา Keyword จากรูปภาพ เคยข้องใจไหมว่าหน้าผลการค้นหาแบบรูปภาพของ Google นำข้อมูลอะไรมาดูว่าแต่ละภาพ มีความสัมพันธ์กับสิ่งที่เราทำการค้นหา ผลลัพธ์ก็คือ Alt-Text หรือ Keyword ในรูปภาพนั่นเอง
 
- URLs: เราสามารถปรับลิงค์ URLs บนเว็บไซต์ให้มีความสัมพันธ์กับคีย์เวิร์ดได้จากการสอดแทรก Keyword ลงไปในส่วนด้านหลังชื่อ Domain หลัก
 
 
4. Off-Page Optimization
 
ในทางตรงกันข้าม Off-Page Optimization คือการเพิ่มประสิทธิผล SEO นอกเว็บไซต์ ซึ่งหมายถึงการที่มี Link ของเราจากเว็บอื่น ๆ อ้างอิงถึงเรา หรือพูดถึงเรา เปรียบเสมือนหน้าร้าน ที่มีลูกค้าถูกใจผลิตภัณฑ์ของเรา พวกเขาก็จะบอกต่อให้ผู้อื่นได้รับรู้และนำเสนอให้เข้ามาที่ร้านของเรา การทำ Off-Page Optimization จะอยู่ในหลักการเดียวกัน ยิ่งมีเว็บไซต์ข้างนอก Link เข้ามาหาเว็บของเรามากเท่าไหร่ ความน่าไว้วางใจที่ Google มีต่อเว็บไซต์ของเราจะมากขึ้นเท่านั้น
 
ปัจจัยหลักของการทำ Off-Page Optimization คือการสร้าง Link ที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเชื่อมโยงกลับมาหาเว็บของเรา หรือที่เรากันว่า Backlink นั่นเอง
 
การทำ Backlink ที่มีประสิทธิผลมากที่สุดคือการเขียน Content ที่มีประโยชน์สำหรับผู้ใช้งานมากจนเป็นที่พูดถึง และยูสเซอร์จะนำ Link ของเราไปอ้างอิงด้วยตนเอง ซึ่งวิธีนี้คือการทำ Backlink แบบธรรมชาติ แต่การจะส่งเสริมให้เนื้อหาของเราถูกบอกต่อในโลกที่มีเนื้อหาอย่างมหาศาลในอินเตอร์เนต เป็นเรื่องที่ยากมากๆ หากเราไม่เจ๋งจริง
 
ดังนั้น เราสามารถเริ่มการสร้าง Backlink ได้จากการเขียนคอนเทนต์ลงบนเว็บบอร์ด หรือกระทู้ที่มีบทความสอดคล้องกับเว็บไซต์ของเราและสร้าง Link กลับมาหาเว็บ อีกทั้งวิธีหนึ่งที่เราคงจะคุ้นเคยกันดีคือ แนวทาง Social Media ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Youtube, Twitter etc. แชร์ Content ของเราผ่านช่องทางเหล่านี้สามารถเพิ่ม Organic Traffic ได้เป็นอย่างดี
 
http://heezaa.online/